kachelotravel Culture พิพิธภัณฑ์ ทั่วโลกที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

พิพิธภัณฑ์ ทั่วโลกที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

พิพิธภัณฑ์

ในการเดินทางไปทั่วโลกนั้นแต่ละคนก็มีเป้าหมายต่างกันไป บางคนอยากจะออกไปเปิดโลก เปิดหูเปิดตาให้กว้าง เรียนรู้วัฒนธรรม หรือบางคนไปตามเทรนด์ ไม่ว่าจุดประสงค์จะเป็นอะไรก็ไม่ผิดทั้งนั้น แต่สิ่งที่อยากให้ลองไปสัมผัสเมื่อได้ไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองก็คือ พิพิธภัณฑ์ ซึ่งหลายประเทศเขาให้ความสำคัญกับสถานที่แห่งนี้มาก เพราะสามารถเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ไปในตัว หลายๆที่จึงมีทั้งคอลเลกชั่นงานศิลปะของศิลปินชื่อดัง และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆเก็บเอาไว้มากมาย เราจึงไม่อยากให้คุณพลาด

พิพิธภัณฑ์ around the world

1. Louvre Museum (พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์)

พิพิธภัณฑ์
Louvre Museum

            ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศสแน่นอน เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง เก่าแก่ และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ลูฟวร์เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อปี 1793 แต่ตัวปิระมิดกระจกนั้นเกิดขึ้นทีหลัง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 200 ปีปฏิวัติฝรั่งเศส และสร้างเสร็จในปี 1989 ในลูฟวร์มีคอลเลกชั่นงานศิลปะตั้งแต่ยุคกลางจนถึงช่วงปี 1848 หรือถ้าใครเป็นสายสถาปัตยกรรมก็ไปชมอาคารพิพิธภัณฑ์ก็ได้ เพราะตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานด้วยศิลปะตั้งแต่ช่วงปี 1200-2011 เลยทีเดียว ส่วนผลงานที่โด่งดังก็ไม่พ้นภาพวาด Mona Lisa ของ Leonardo Da Vinci นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีงานนิทรรศการ และอีเว้นท์ต่างๆแทบจะตลอดทั้งปี สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของ Louvre ได้เลย แอบกระซิบบอกหน่อยว่าถ้าไปในวันเสาร์แรกของเดือนตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 21:45 น. เขาให้เข้าฟรีนะ

ที่ตั้ง: ปารีส แคว้นอีล-เดอ-ฟร้องซ์ ประเทศฝรั่งเศส

เวลา: เปิดทุกวันเวลา 9:00 น. – 18:00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)

ทุกวันพุธและวันศุกร์เปิดถึง 21:45 น.

2. The Metropolitan Museum Of Art (พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน)

พิพิธภัณฑ์
The Metropolitan Museum Of Art

หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า The Met นั่นเอง เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 1870 ตั้งอยู่ที่ฟิฟธ์อเวนิว แมนฮัตตัน นิวยอร์กนั่นเอง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน Met Gala งานที่เราได้ตื่นตาตื่นใจกับคอสตูมและแฟชั่นของเหล่าเซเลบริตี้กันทุกปี นอกจากเป็นสถานที่จัดงานสุดยิ่งใหญ่แล้ว ในสถานที่นี้ก็ยังมีงานศิลปะจากทั่วโลก ซึ่งบางชิ้นก็เก่าแก่กว่า 5,000 ปี เขาทีแบ่งเป็นโซนด้วยนะ ทำให้เราเดินดูได้ง่ายขึ้น และยังมีทั้งร้านขายของ ร้านอาหาร ครบทุกอย่าง หรือถ้าใครไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงก็ลองจอง Group Visit กับทางพิพิธภัณฑ์ได้เลย

ที่ตั้ง: ฟิฟธ์อะเวนิว, แมนฮัตตัน นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา

เวลา: วันอาทิตย์-พฤหัสบดี 10:00 น. – 17:30 น.

วันศุกร์และเสาร์ 10:00 น. – 21:00 น.

3. The Museum of Qin Terracotta Warriors and Horses (พิพิธภัณฑ์ทหารและม้าดินเผาแห่งราชวงศ์ฉิน)

The Museum of Qin Terracotta Warriors and Horses
The Museum of Qin Terracotta Warriors and Horses

            เรียกสั้นๆว่าพิพิธภัณฑ์สุสานจิ๋นซี ตั้งอยู่ในเมืองซีอาน ประเทศจีน สถานที่แห่งนี้ถูกค้นพบจากการที่ชาวบ้านกำลังขุดบ่อน้ำแล้วเจอกับพวกเครื่องดินเผา ทำให้เป็นที่สนใจของนักโบราณคดีเป็นอย่างมาก และทางการก็ได้ประกาศให้สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1975 สุสานแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ที่ ภายในมีรูปปั้นทหารและม้าขนาดเท่าของจริงอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจัดรูปแบบตามกระบวนทัพที่ใช้ออกศึกในสมัยนั้น จึงเป็นความเชื่อที่ว่ากองทหารเหล่านี้จะคอยคุ้มกันจิ๋นซีฮ่องเต้นั่นเอง และยังมีส่วนที่จัดแสดงรูปปั้นดินเผาที่เป็นคนอยู่ในลักษณะท่าทางต่างๆด้วย (Museum of Terracotta Acrobatics)

ที่ตั้ง: หลินถง, ซีอาน มณฑลส่านซี ประเทศจีน

เวลา: เปิดทุกวัน 8:30 น. – 18:00 น.

4. The Acropolis Museum (พิพิธภัณฑ์อะโครโพลิส)

The Acropolis Museum
The Acropolis Museum
The Parthenon
The Parthenon

            ตั้งอยู่ใกล้กับวิหารพาร์เธอน่อน เป็นที่เก็บรักษารูปปั้นและวัตถุโบราณ ที่บอกเล่าเรื่องราวของกรีกตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคไบเซนไทน์ ถ้าใครชื่นชอบเรื่องราววเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้ากรีก หรือสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคก็ขอแนะนำให้ไปที่นี่เลย วิหารต่างๆที่นี่ผ่านการบูรณะมาหลายต่อหลายรอบมาก เพราะในอดีตเมื่อมีการรีโนเวทครั้งนึงก็จะถูกทำลายตลอดเนื่องจากสงคราม แต่ยังไงก็ตามวิหารก็ยังมีความงามหลงเหลือให้เราได้ชื่นชมจนถึงปัจจุบัน

ที่ตั้ง: เอเธนส์ ประเทศกรีซ

เวลา: วันและเวลาเปิดปิดแบ่งตามช่วงฤดูกาล สามารถเช็คได้ทางเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์

5. Museum Siam (มิวเซียมสยาม)

Museum Siam
Museum Siam

มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้ของประเทศไทย สถานที่ที่จะมีนิทรรศการหลากหลายหมุนเวียนมาให้เราได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ลบภาพจำเดิมๆไปเลยว่าพิพิธภัณฑ์ไทยจะต้องมีแต่ของโบราณ เงียบ อับ และน่าเบื่อ เพราะที่นี่มีการใช้เทคโนโลยีที่จะทำให้เราสนุกไปกับการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ทั้ง QR Code, เทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (AR) หรือ Projection Mapping สำหรับคนที่ไม่สะดวกไปก็สามารถเข้าชมนิทรรศการเสมือนจริงได้ในเว็บไซต์ของมิวเซียมสยามเช่นกัน

ที่ตั้ง: พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

เวลา: จันทร์-ศุกร์ 9:00 น. – 17:00 น.

เป็นยังไงกันบ้างกับ พิพิธภัณฑ์ ที่เราคัดมาให้ บอกเลยว่าในชีวิตนี้ไม่ควรพลาด ต้องไปเยือนสักครั้ง สำหรับเรานั้นมิวเซียมเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมาก มีทั้งของจริงให้เห็น มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และถ้าอยากรู้อะไรก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ได้เลย และมิวเซียมก็ยังมีแบ่งออกเป็นหลายประเภทอีกด้วย สนใจด้านไหนเป็นพิเศษก็สามารถไปที่นั่นได้เลย แต่ที่สำคัญเลยคืออยากให้ไปพิพิธภัณฑ์ในประเทศกันให้เยอะๆ เพราะเขาพัฒนาขึ้นมากแล้ว ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้เลย

แต่ถ้ายังไม่จุใจก็ขอแนะนำประเทศ มอลต้า เลยเพราะมีทั้งมิวเซียม อาคารบ้านเรือน และโบราณสถานต่างๆที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบ แถมค่าครองชีพก็ไม่แพงด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Post

neoclassicism

ความขัดแย้งของ Neoclassicism จินตนิยมและสัจนิยมความขัดแย้งของ Neoclassicism จินตนิยมและสัจนิยม

Neoclassicism เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 18 ในขณะที่การเคลื่อนไหวต่อต้านโรโกโก ต้องการที่จะกลับไปสู่ความเรียบง่ายความเป็นระเบียบและ ‘ความบริสุทธิ์’ ของศิลปะคลาสสิกโดยเฉพาะกรีกและโรมโบราณ นีโอคลาสสิกเป็นองค์ประกอบทางศิลปะของการเคลื่อนไหวทางปัญญาที่เรียกว่าการตรัสรู้ นีโอคลาสสิกแพร่หลายในยุโรปตลอดศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักร แต่อันที่จริงนีโอคลาสสิกก็สามารถมองได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นเดียวกับศิลปะและวัฒนธรรม ศิลปะนีโอคลาสสิกที่ให้ความสำคัญกับระเบียบสมมาตรและความเรียบง่ายแบบคลาสสิก รูปแบบทั่วไปในศิลปะนีโอคลาสสิก ได้แก่ ความกล้าหาญและสงครามเหมือนกับที่เราจะเห็นได้ทั่วไปในศิลปะกรีกและโรมันโบราณ Ingres, Canova และ Jacques-Louis David เป็นหนึ่งในนักนีโอคลาสสิกที่มีชื่อเสียงที่สุด จินตนิยมปฏิเสธสุนทรียศาสตร์ของ Neoclassicism เช่นเดียวกับ Mannerism ปฏิเสธ Classicism จินตนิยมปฏิเสธสุนทรียศาสตร์ของ Neoclassicists

renaissance

Renaissance ยุครุ่งเรือง เฟื่องฟูของงานศิลปะRenaissance ยุครุ่งเรือง เฟื่องฟูของงานศิลปะ

ถ้านึกถึงความอลังกาล อู่ฟู่ ต้องยกให้กับยุคศิลปะ Renaissance ศิลปะเรอเนสซองส์มีรูปแบบแตกต่างกันในอิตาลีตอนเหนือตั้งแต่ราวปี 1420 ควบคู่ไปกับพัฒนาการที่เกิดขึ้นในปรัชญาวรรณคดีดนตรีและวิทยาศาสตร์ เป็นรากฐานของศิลปะโบราณวัตถุคลาสสิก แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากศิลปะของยุโรปเหนือและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ร่วมสมัยด้วย ศิลปินยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา วาดรูปแบบต่างๆมากมาย แท่นบูชาทางศาสนาวงเวียนจิตรกรรมฝาผนังและงานเล็ก ๆ สำหรับเรียนรู้ฝึกฝนกันส่วนตัวของเล่าบรรดาผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะเป็นที่นิยมมาก จิตรกรทั้งในอิตาลีและยุโรปตอนเหนือมักหันมาสนใจ Golden Legend (1260) ของ Jacobus de Voragine ซึ่งเป็นหนังสือแหล่งข้อมูลที่มีอิทธิพลอย่างสูงสำหรับชีวิตของนักบุญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปินในยุคกลาง ความสนใจในสมัยโบราณคลาสสิกและมนุษยนิยมในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยายังส่งผลให้มีภาพวาดในตำนานและประวัติศาสตร์มากมาย เครื่องประดับตกแต่งซึ่งมักใช้ในองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่ทาสีได้รับอิทธิพลอย่างมากจากลวดลายโรมันคลาสสิก The Ecstasy of Saint Teresa,

baroque

ความแตกต่างระหว่าง Baroque และ Rococoความแตกต่างระหว่าง Baroque และ Rococo

Renaissance Classicism ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันสองแบบ คือ Mannerism และ Baroque Mannerism ซึ่งเป็นปฏิกิริยาต่อต้านความสมบูรณ์แบบในอุดมคติของ Classicism ใช้การบิดเบือนแสงและกรอบเชิงพื้นที่เพื่อเน้นเนื้อหาทางอารมณ์ของภาพวาดและอารมณ์ของจิตรกร ในขณะที่ศิลปะเรอเนสซองซ์ชั้นสูงเน้นสัดส่วนความสมดุลและความงามในอุดมคติ Mannerism มีคุณสมบัติดังกล่าวเกินจริงซึ่งมักส่งผลให้องค์ประกอบที่ไม่สมดุลหรือสง่างามผิดธรรมชาติ สไตล์นี้มีความโดดเด่นในด้านความซับซ้อนทางปัญญาและคุณสมบัติที่ประดิษฐ์ขึ้น (เมื่อเทียบกับธรรมชาติ) ในทางตรงกันข้ามศิลปะบาโรกได้นำเอาการเป็นตัวแทนของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาไปสู่ยุคใหม่โดยเน้นรายละเอียดการเคลื่อนไหวการจัดแสงและการแสดงละคร จิตรกรยุคบาโรกที่รู้จักกันดี ได้แก่ Caravaggio, Rembrandt, Peter Paul Rubens และ Diego Velázquez ศิลปะบาโรกมักถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านการปฏิรูป การฟื้นฟูชีวิตทางจิตวิญญาณในคริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิก ใขณะเดียวกันธีมทางศาสนาและการเมืองก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง